แพทยสภา สถาบันพระปกเกล้า กระทรวงสาธารณสุข และ นักศึกษาหลักสูตรธรรมาภิบาลทางการแพทย์สำหรับผู้บริหารระดับสูง รุ่นที่ 3(ปธพ.3) ผนึกกำลัง จัด“โครงการแพทย์อาสาเฉพาะทางร่วมใจเฉลิมพระเกียรติฯ ครั้งที่ 3” 31 สิงหาคม 2558 : แพทยสภา ร่วมกับ สถาบันพระปกเกล้า และกระทรวงสาธารณสุข จัดโครงการ “หน่วยแพทย์อาสาเฉพาะทางร่วมใจเฉลิมพระเกียรติฯ ครั้งที่ 3 ถวายแด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในวโรกาสครบรอบ 60 พรรษา พบกับ 18 คลินิกแพทย์เฉพาะทางโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทันตแพทย์ พยาบาล และเภสัชกร จากหลายสถาบันการแพทย์ ให้บริการตรวจรักษา-ผ่าตัด โดยไม่คิดค่าบริการ ในวันเสาร์ที่ 12 กันยายน นี้ ที่ โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา จ. กาญจนบุรี ศาสตราจารย์ นายแพทย์สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา เปิดเผยว่า แพทยสภาได้ ร่วมกับ สถาบันพระปกเกล้า และกระทรวงสาธารณสุขจัดโครงการหน่วยแพทย์อาสาเฉพาะทางร่วมใจเฉลิมพระเกียรติฯ ครั้งที่ 3 เนื่องในวโรกาส สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี มีพระชนมายุครบ 60 พรรษา ในวันที่ 12 กันยายน 2558 ที่โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา จ. กาญจนบุรี โดยได้รับเกียรติจากศาสตราจารย์นายแพทย์เกษม วัฒนชัย องค์มนตรี เป็นประธานที่ปรึกษา และ ศาสตราจารย์ คลินิก นายแพทย์ ปิยะสกล สกลสัตยาทร ประธานร่วมในพิธีเปิด อันเป็นกิจกรรมที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม ของ นักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลทางการแพทย์ สำหรับผู้บริหารระดับสูง (ปธพ.3) ซึ่งจะออกหน่วยแพทย์อาสา ตรวจรักษาประชาชนผู้เจ็บป่วยด้วยโรคทั่วไปจนถึงโรคซับซ้อนขั้นสูง ตลอดจนส่งเสริมสุขภาพประชาชนในพื้นที่ เน้นการมีส่วนร่วมในการดูแลสุขภาพชุมชน โดยบุคลากรทางการแพทย์หลากหลายสาขา และได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนจำนวนมาก ทั้งนี้จัดไปแล้ว 2 ครั้ง โดยครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 หลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลทางการแพทย์ สำหรับผู้บริหารระดับสูง (ปธพ.) เป็นหลักสูตรของแพทยสภาที่ร่วมกับสถาบันพระปกเกล้า เนื่องจากแพทยสภาเห็นความสำคัญของธรรมาภิบาลสำหรับผู้บริหารทางการแพทย์ไทย จึงได้จัดทำหลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลสำหรับผู้บริหารทางการแพทย์โดยร่วมกับสถาบันพระปกเกล้า โดยหลักสูตรนี้มีต้นกำเนิดจากพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานให้กรรมการแพทยสภา เพื่อแก้ปัญหาวงการแพทย์ไทยด้วยแนวทาง “อ่อนน้อมถ่อมตน ทุกคนมีดี อย่าดูถูกใคร” กรรมการแพทยสภาจึงได้หารือสถาบันพระปกเกล้านำ “ธรรมาภิบาล” มาเป็นหลักในการสร้างกิจกรรม ตามแนวทางพระราชดำรัสดังกล่าว ให้ผู้บริหารทางการแพทย์ระดับสูง ทั้ง 4 เสาหลัก ในทุกภาคส่วนของระบบสาธารณสุขไทยได้เรียนรู้ร่วมกัน เป็นครั้งแรก ร่วมกับองค์กรที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน นับเป็นหลักสูตรระดับสูงของแพทย์หลักสูตรแรกในประเทศไทย ในปี พ.ศ.2555 โดยกำหนดให้นักศึกษานอกจากต้องทำวิจัยปัญหาประเทศเสนอกรรมการแพทยสภาแล้ว ทุกครั้งที่จบการศึกษา นักศึกษาที่สมัครใจจะร่วมกันทำกิจกรรมถวายเป็นพระราชกุศลต่อ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรูปแบบโครงการแพทย์อาสาเฉพาะทางร่วมใจเฉลิมพระเกียรติฯ ร่วมกับ แพทยสภา กระทรวงสาธารณสุข และสถาบันพระปกเกล้า ด้านนางสาวสุพรรณี งามวุฒิกุล ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการ สถาบันพระปกเกล้า กล่าวว่า สถาบันพระปกเกล้าขอขอบคุณแพทยสภาที่ไว้วางใจให้มีการจัดหลักสูตรสำคัญนี้ร่วมกันในชื่อ หลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลทางการแพทย์ สำหรับผู้บริหารระดับสูง (ปธพ.) ซึ่งเป็นหลักสูตรที่มุ่งเน้นการบูรณาการองค์ความรู้ในเรื่องธรรมาภิบาล แก่ผู้บริหารสายแพทย์และสาขาที่เกี่ยวข้อง เพื่อผลิตบุคลากรอันทรงคุณค่าที่จะเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติในการสร้างความเจริญพัฒนาของระบบสาธารณสุข ซึ่งความร่วมมือระหว่างสองสถาบันจัดได้ดหลักสูตรสำเร็จลุล่วงด้วยดีถึง สามรุ่น และมีผลการประเมินหลักสูตรจากบุคคลภายนอกในระดับดีเยี่ยม มีนักศึกษาจบไปแล้วกว่า 300 คน และกำลังเปิดการศึกษารุ่นที่4 ต่อในวันที่ 24กันยายน 2558นี้ โดยมุ่งนำ “ธรรมาภิบาล” ไปสู่การปฏิบัติจริงในการแก้ปัญหาประเทศด้านสาธารณสุข ผ่านงานวิจัย และสร้างกิจกรรมจิตอาสาด้วยการออกหน่วยแพทย์อาสา ถวายเป็นพระราชกุศล ซึ่งทางสถาบันพระปกเกล้ายินดีเป็นอย่างยิ่ง และได้ร่วมเป็นเจ้าภาพทุกปี นับเป็นกิจกรรมเพื่อสังคม ซึ่งสร้างชื่อเสียงให้กับทางสถาบันเป็นอย่างมาก ซึ่งทางสถาบันขอขอบคุณแพทยสภาเป็นอย่างยิ่ง โดยนายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่าโครงการหน่วยแพทย์อาสาเฉพาะทางร่วมใจเฉลิมพระเกียรติฯ เป็นการจัดหน่วยแพทย์ขนาดใหญ่ระดับประเทศที่มีกระทรวงสาธารณสุขเป็นแกนนำจัดการ โดยใช้โรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุข และเครือข่ายของระบบสาธารณสุขโดยรอบเป็นแกน บูรณาการเชื่อมกันทั้ง 5 กระทรวง บริหารจัดการโดยนักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลทางการแพทย์สำหรับผู้บริหารระดับสูง รุ่นที่ 3 เพื่อเป็นการแสดงพลังการรวมใจแพทย์ บุคลากรทางการแพทย์ และ การสร้างจิตอาสาผ่านการมีส่วนร่วมของหลายหน่วยงาน มุ่งหวังรักษาพยาบาลผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาในระดับทุติยภูมิและตติยภูมิในพื้นที่ใกล้เคียง ฝึกซ้อมการสร้างระบบโรงพยาบาลสนาม เพื่อเตรียมการรองรับหากเกิดภัยพิบัติในอนาคต ตลอดจนส่งเสริมการสร้างจิตอาสาและการมีส่วนร่วมของหลายหน่วยงานในการให้บริการแก่ประชาชน โรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้แก่ โรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี, โรงพยาบาลมะการักษ์, โรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 19 , โรงพยาบาลค่ายสุรสีห์ โรงพยาบาลทองผาภูมิ และ โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา จังหวัดกาญจนบุรี โดยได้มีการตรวจรักษาล่วงหน้ามากว่า 3 เดือน และในวันที่ 12 กันยายน 2558 จะจัดกิจกรรมครั้งใหญ่ ณ โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา ในลักษณะโรงพยาบาลสนาม แบ่งเป็น 18 คลินิก ครอบคลุมการให้บริการทางการแพทย์ระดับทุติยภูมิ และตติยภูมิ จากทีมแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์อาสากว่า 500 คน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแก่ทุกๆพระองค์ ดร.นายแพทย์สุรวิทย์ คนสมบูรณ์, ประธานนักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลทางการแพทย์สำหรับผู้บริหารระดับสูง รุ่นที่ 3 (ปธพ. 3) กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของโครงการนี้ว่า กลุ่มนักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลทางการแพทย์ สำหรับผู้บริหารระดับสูง ได้มีการจัดโครงการหน่วยแพทย์อาสาเฉพาะทางร่วมใจเฉลิมพระเกียรติฯ อย่างต่อเนื่อง โดยครั้งแรกจัดที่ จ.อยุธยา ครั้งที่ 2 จัดที่อ.หัวหิน และ ครั้งนี้ ปธพ.3 ก็ได้สานต่อเจตนารมณ์จัดขึ้นเป็นครั้งที่3 เพื่อเฉลิมพระเกียรติและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ตลอดจนแสดงความจงรักภักดีต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ เนื่องด้วยทั้งสองพระองค์ทรงห่วงใยในทุกข์สุขตลอดจนสุขภาพของราษฎร มาโดยตลอด และเทิดพระเกียรติในโอกาสสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนม์มายุ 60 พรรษา พระองค์ทรงเป็นที่รักและเคารพยิ่งของปวงชนชาวไทย โดยกำหนดจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 12 กันยายน ตั้งแต่เวลา 09.00 – 16.00 น. ณ โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา จ.กาญจนบุรี โครงการได้จัดกิจกรรมตรวจโรค 18 คลินิกแพทย์เฉพาะทาง โดยแพทย์ ทันตแพทย์ พยาบาล และ เภสัชกร กว่า 500 คน จากหลายสังกัดโรงพยาบาล อาทิ รพ.ศิริราช รพ.จุฬา รพ.รามา รพ.ราชวิถี สถาบันประสาท รพ.ภูมิพล รพ.เอกชนชั้นนำ ฯลฯ ตลอดจนราชวิทยาลัยแพทย์ ของแพทยสภา จะมาตรวจรักษาให้แก่ประชาชน ในพื้นที่โดยรอบจังหวัดกาญจนบุรี-ราชบุรี โดยแบ่งเป็นการให้บริการ 4 ด้าน ได้แก่ 1. การตรวจคัดกรองโรคต่างๆ เช่นการตรวจวินิจฉัยมะเร็งเต้านมด้วยการตรวจเอกซเรย์ (Mammogram) การตรวจการได้ยิน การส่องกล้องตรวจโรคในกระเพาะอาหาร ตรวจอัลตร้าซาวด์ภายในสตรี ตรวจวัดมวลกระดูกในสตรีวัยทอง ตรวจคัดกรองผู้ป่วยโรคซึมเศร้าในผู้สูงอายุ ตรวจคัดกรองภาวะสมองเสื่อม ตรวจคัดกรองกลุ่มเสี่ยงโรคไต โรคหัวใจ ตรวจสมรรถภาพทางปอดตรวจคัดกรองภาวะเบาหวานที่จอตาและต้อหินเป็นต้น 2. การรักษาพยาบาลโดยแพทย์เฉพาะทางที่ทำล่วงหน้า ได้แก่ การผ่าตัดรักษาโรคมะเร็งศีรษะและลำคอ การผ่าตัดรักษาโรคหัวใจ การผ่าตัดต้อกระจกและตรวจรักษาโรคตา การผ่าตัดสมอง การรักษาผู้ป่วยที่มีความผิดปกติกระดูกมือ เท้า ข้อเท้า หัวไหล่ ข้อศอก การรักษาผู้ป่วยอัมพฤกษ์-อัมพาต ผู้ป่วยปวดศรีษะ ปวดใบหน้า การรักษาโรคหู คอ จมูกและการมอบเครื่องช่วยฟังให้ผู้พิการทางหู การรักษาผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม ลมชัก ผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง โรคไขสันหลังฝ่อ การตรวจรักษาโรคหอบหืด โรคอ้วน เบาหวาน ไทรอยด์และโรคไตในผู้ป่วยเด็ก การผ่าตัดผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ การรักษาผู้ป่วยโรคจิตเภทเรื้อรัง การกระตุ้นพัฒนาการเด็กออร์ธิสติกส์ การรักษาโรคด้วยแพทย์แผนไทยและแผนจีน การนวดเพื่อสุขภาพแผนไทย การรักษาทางทันตกรรมเช่นถอนฟัน อุดฟัน ขูดหินปูน และผ่าฟันคุด การแจกแว่นตาแก่ผู้สูงอายุ การมอบอุปกรณ์ขาเทียมแก่ผู้พิการเป็นต้น 3. การส่งเสริมสุขภาพประชาชน เช่นการให้วัคซีนป้องกันโรคท้องร่วงในเด็กเล็ก และวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกสำหรับเด็ก การทดสอบสมรรถภาพทางกายของผู้สูงอายุเพื่อป้องกันการหกล้ม การทดสอบสมรรถภาพทางกายทั่วไปพร้อมการแนะนำและสาธิตการออกกำลังกาย การให้ความรู้และคำปรึกษาเรื่องอาหารสำหรับผู้ป่วยโรคไต การให้ความรู้และการดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อมเป็นต้น 4. การสนับสนุนบริการสุขภาพด้วยผลิตภัณฑ์สมุนไพรจากองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน อาทิโรงพยาบาลอภัยภูเบศร์เปิดให้คำแนะนำด้านแพทย์แผนไทยและสมุนไพรสนับสนุนสุขภาพ ทั้งนี้ยังมี กิจกรรมอาสาอื่นๆ อีกมากมายที่หลายองค์การมาร่วมกิจกรรม อาทิ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) เปิดให้นำมือถือเก่ามาแลกมือถือใหม่, บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด นำสินค้าอุปโภคบริโภคมาจำหน่ายในราคาพิเศษ, ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดให้บริการแนะนำทางการเงิน, , สำนักงานอัยการ เปิดแนะนำกฎหมายที่เป็นประโยชน์, สถานีโทรทัศน์ PPTV มีการทำเทปบันทึกและออกอากาศให้ นอกจากนี้ยังมีจุดบริการอาหารเครื่องดื่มแก่ประชาชน จากการร่วมกันอำนวยความสะดวกโดยกลุ่มนักศึกษา หลักสูตร ปธพ. 3 ทั้งนี้รวมไปถึงกิจกรรมความสนุกมากมายบนเวที ตลอดงาน จึงขอเชิญประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงมาร่วมงานในวันและเวลาดังกล่าว ประชาชนที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามได้ ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 11 กันยายน ศกนี้ ที่หมายเลข 034-587-800 ต่อ 0 พลโทนายแพทย์ไตรโรจน์ ครุฑเวโช เจ้ากรมแพทย์ทหารบก ผู้บริหารโครงการ และนักศึกษาหลักสูตรธรรมาภิบาลทางการแพทย์สำหรับผู้บริหารระดับสูง รุ่นที่ 3 ได้กล่าวว่า นับเป็นโอกาสที่ดีของชาวจังหวัดกาญจนบุรี ที่ได้รับการดูแลสุขภาพจากแพทย์เฉพาะทาง โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปรักษายังศูนย์แพทย์ใหญ่เช่นมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ โครงการนี้ยังเป็นประโยชน์กับวงการแพทย์ที่ทำให้ทุกภาคส่วนเห็นถึงการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ซึ่งจะเกิดองค์ความรู้ในด้านต่างๆต่อยอดได้ในอนาคต กิจกรรมครั้งนี้เป็น การผนึกกำลังของบุคลากรทางการแพทย์ของภาครัฐจาก กระทรวงสาธารณสุข มหาวิทยาลัย ทหารสามเหล่าทัพ ตำรวจ กทม.และภาคเอกชน ถือเป็นปรากฏการณ์ที่แสดงออกถึงสัญญาณแห่งความรัก ความสามัคคีในกลุ่มคนไทยทุกหมู่คณะ เพื่อร่วมกันช่วยเหลือผู้เจ็บป่วย และยกระดับการดูแลสุขภาพ ทั้งกายและใจ ตลอดจน และระบบสาธารณสุข ในภาพรวมให้แก่ประชาชน ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะเป็นรากฐานที่แข็งแรงในการส่งต่อแนวคิดนี้ในวงกว้างระดับประเทศต่อไป ต้องขอขอบคุณหน่วยราชการในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี ทุกโรงพยาบาล,ค่ายทหาร,ตำรวจ,สำนักงานสรรพากรพื้นที่, สภาอุตสาหกรรม, ตำรวจภูธร, องค์การบริหารส่วนจังหวัด, อาสาสมัคร, สำนักประชาสัมพันธ์เขต, คณะสื่อมวลชน ตลอดจนบริษัท และห้างร้าน ต่างร่วมผนึกกำลังกัน อำนวยความสะดวก และ ร่วมสื่อสารให้แก่ประชาชนได้รับทราบถึงกิจกรรมนี้อย่างเต็มที่ พล.อ.ต. นพ.อิทธพร คณะเจริญ ผู้อำนวยการหลักสูตรประกาศนียบัตร$