ก.คลัง อนุมัติงบฯ 2 พันล้านจ่ายค่าตอบแทนบุคลากร สธ. ย้อนหลังแล้ว เร่งจัดสรรตำแหน่งข้าราชการหมื่นตำแหน่ง 1 ต.ค. นี้ ยันไม่ปลดลูกจ้างชั่วคราวออก...
วันที่ 26 พ.ค. นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงความคืบหน้าการจ่ายค่าตอบแทนบุคลากรกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังได้อนุมัติงบประมาณ 2,000 ล้านบาทให้ สธ. ดำเนินการเบิกจ่ายเป็นค่าตอบแทนเหมาจ่ายย้อนหลัง ตั้งแต่เดือน ต.ค. 2555 - มี.ค.2556 และตั้งแต่ เม.ย.2556 เป็นต้นไป ให้กระทรวงสาธารณสุขใช้การเบิกจ่ายงบที่เหลืออีก 1,000 ล้านบาทในระบบใหม่ คือเหมาจ่ายควบคู่กับตามผลการปฏิบัติงาน หรือพีฟอร์พี ซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้าในทางปฏิบัติแล้ว อย่างไรก็ตาม จะมีการปรับปรุงหลักเกณฑ์รายละเอียดต่างๆ ให้เหมาะสมกับพื้นที่ รวมทั้งการประกาศประเภทสายงาน ซึ่งแบ่งเป็นสายวิชาชีพ และสายงานสนับสนุนบริการ ประกอบการเบิกจ่ายค่าตอบแทนตามประกาศฉบับ 8 และ 9 ขณะเดียวกันได้ให้โรงพยาบาลที่มีปัญหาขาดสภาพคล่อง เสนอวงเงินที่ต้องการเพิ่มผ่านผู้ตรวจราชการ เพื่อพิจารณาดำเนินการโดยเร็ว
รอง ปลัด สธ. กล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องการบริหารจัดการบุคลากรจะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือน ก.ค.2556 ทั้งเรื่องแผนความต้องการตามแผนพัฒนารายเขตทั่วประเทศ การผลิต แผนการพัฒนา และการรักษาบุคลากรในองค์กร เพื่อนำเสนอ ครม.รับทราบ และในวันที่ 1 ต.ค.2556 เป็นต้นไป สธ.จะได้รับการจัดสรรตำแหน่งข้าราชการ 10,000 ตำแหน่ง ซึ่งในจำนวนนี้เป็นตำแหน่งของนักเรียนทุน แพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกร รวมอยู่ด้วย สำหรับเรื่องการดำเนินการลูกจ้างชั่วคราวให้เป็นพนักงาน สธ. จะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 27 ส.ค.2557 และขอยืนยันว่า ไม่มีนโยบายปรับลดลูกจ้างเดิมออกแน่นอน ในหลักการบรรจุในโรงพยาบาลที่มีลูกจ้างเกินอัตราในช่วงปรับเปลี่ยนนี้ จะมีการพิจารณากำหนดค่างานเพิ่มเติมเพื่อให้ลูกจ้างสามารถทำงานในที่เดิมต่อไปได้ และต่อไปให้ รพ. จัดทำแผนอัตรากำลังที่ชัดเจนเหมาะสม
“ในส่วนตำแหน่งข้าราชการใน สธ. หลังจากนี้ไปได้วางหลักเกณฑ์ไว้ คือ จะบรรจุลูกจ้างสายวิชาชีพและอื่นๆ ที่จำเป็น เป็นข้าราชการร้อยละ 75 และอีกร้อยละ 25 จะบรรจุเป็นพนักงาน สธ. และต่อไปหากมีตำแหน่งข้าราชการว่างก็จะพิจารณาจากพนักงาน สธ. ก่อน นอกจากนี้ ในปีงบประมาณ 2557 สธ. ได้กันตำแหน่งว่างข้าราชการไว้ส่วนหนึ่ง เพื่อรับแพทย์เชี่ยวชาญที่ต้องการกลับเข้ารับราชการตามความต้องการของเขตบริการสุขภาพ” นพ.สุพรรณ กล่าว.
ที่มา : www.thairath.co.th