เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 23 ส.ค.ที่ รพ.ศิริราช ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นประธานแถลงข่าว “ศิริราชรักษามะเร็งเต้านมแนวใหม่

 

\"\"

เมื่อเวลา  10.00  น. วันที่ 23  ส.ค.ที่ รพ.ศิริราช  ศ.คลินิก นพ.อุดม  คชินทร คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นประธานแถลงข่าว “ศิริราชรักษามะเร็งเต้านมแนวใหม่  ผ่าตัดเก็บเต้านมพร้อมฉายแสงในครั้งเดียว ประสิทธิภาพสูง ปลอดภัย  ได้ผลดี”  ศ.นพ.พรชัย โอเจริญรัตน์  หัวหน้าสาขาศัลยศาสตร์ ศีรษะ คอ เต้านม ภาควิชาศัลยศาสตร์ กล่าวถึงอุบัติการณ์ของโรคมะเร็งเต้านมว่า เป็นโรคมะเร็งที่พบได้บ่อยที่สุด สำหรับผู้หญิงทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย จากสถิติของสถานวิทยามะเร็งศิริราชพบว่า ในแต่ละปีมีผู้ป่วยใหม่เข้ารับรักษามากกว่า 1,000 ราย มีทั้งผ่าตัด การฉายรังสีรักษา การให้ยาเคมีบำบัด และฮอร์โมนบำบัดผสมผสานกัน โดยการผ่าตัดยังใช้เป็นการรักษาหลักอยู่  มีทั้งการผ่าตัดเต้านมออกทั้งหมดและการผ่าตัดแบบเก็บเต้านมไว้  ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์

รศ.นพ.อดุลย์  รัตนวิจิตราศิลป์ อาจารย์แพทย์ประจำสาขาศัลยศาสตร์ศีรษะ คอ และเต้านม ภาควิชาศัลยศาสตร์  ผู้ริเริ่มการรักษามะเร็งเต้านมแนวใหม่ กล่าวว่า ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา การรักษามะเร็งเต้านมด้วยการผ่าตัดแบบเก็บเต้านมเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น หลักการคือ ผ่าตัดเอาเฉพาะก้อนมะเร็งออก โดยเก็บผิวหนังบริเวณเต้านม หัวนม และลานนมไว้ สามารถช่วยให้ผู้ป่วยยังคงความเป็นหญิงไม่สูญเสียเต้านม จากข้อมูลทางการแพทย์พบว่า การผ่าตัดเก็บเต้านมอย่างเดียว  จะทำให้อัตราการเกิดซ้ำของมะเร็งเต้านมสูงขึ้น จำเป็นที่ผู้ป่วยส่วนใหญ่ต้องได้รับการฉายรังสีรักษาภายนอกหลังการผ่าตัดแล้ว  25-30 ครั้ง นาน 5-6 สัปดาห์ติดต่อกัน สร้างความลำบากให้ผู้ป่วย และยังทำให้การบริการทางรังสีรักษาแก่ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมเพิ่มขึ้นจำนวนมาก จากปัญหาดังกล่าว สาขาศัลยศาสตร์ศีรษะ คอ  และเต้านม และสาขารังสีรักษา จึงร่วมกันหาแนวทางการรักษามะเร็งเต้านม ที่เอื้อประโยชน์แก่ผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ เทคโนโลยีใหม่นี้ เป็นการผ่าตัดเฉพาะก้อนมะเร็งเต้านมพร้อมฉายรังสีรักษาครั้งเดียวในห้องผ่าตัด

\"\"

ผศ.นพ.สืบวงศ์  จุฑาภิสิทธิ์ อาจารย์แพทย์ประจำสาขาศัลยศาสตร์ศีรษะ คอ และเต้านม  ภาควิชาศัลยศาสตร์  และผู้ผ่าตัดรักษามะเร็งเต้านมแนวใหม่ กล่าวว่า การผ่าตัดมะเร็งเต้านมแนวใหม่นี้ เริ่มจากการผ่าตัดต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้ เรียกว่า ผ่าตัดต่อมน้ำเหลืองเซนทิเนล คือ การตัดต่อมน้ำเหลืองบางส่วนแทนการผ่าตัดต่อมน้ำเหลืองทั้งหมดในอดีต จากนั้นผ่าตัดเฉพาะก้อนมะเร็งออก ตามด้วยการฉายรังสีรักษาครั้งเดียวในห้องผ่าตัด  การผ่าตัดด้วยวิธีนี้ เริ่มใช้ในรพ.ศิริราชเมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2554 จนถึงปัจจุบัน 7 ส.ค. 2556 ให้บริการผู้ป่วยไปแล้ว 50 ราย มีการติดตามผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง  1 ปี พบว่า ได้ผลดีเยี่ยม และมีอัตราการเกิดโรคซ้ำเพียง 2 % หรือ 1 ราย ซึ่งเป็นเปอร์เซ็นต์ที่อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน  วิธีนี้ยังทำให้ผู้ป่วยประหยัดเวลา และค่าใช้จ่ายในการเดินทาง รวมถึงสามารถช่วยลดงานบริการผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการฉายรังสีถึง  755 ครั้ง

ผศ.นพ.สืบวงศ์   กล่าวต่อว่า การรักษาด้วยวิธีใหม่นี้เป็นแนวทางที่สามารถช่วยผู้ป่วยมะเร็งเต้านมจำนวนหนึ่งได้  อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมทุกรายที่รับการรักษาด้วยวิธีนี้ได้ แพทย์ผู้รักษาจะต้องเป็นผู้ประเมินว่า ผู้ป่วยรายใดสมควรที่จะได้รับการฉายรังสีในห้องผ่าตัด รายใดไม่สามารถทำได้ โดยทั่วไปผู้ป่วยที่เหมาะสม จะต้องมีอายุ 55 ปี ขึ้นไป เป็นมะเร็งระยะเริ่มต้น ขนาดก้อนน้อยกว่า 2 ซ.ม. ไม่มีการกระจายของเซลล์มะเร็งไปที่ต่อมน้ำเหลือง และมีตัวรับฮอร์โมนเอสโตรเจนในเซลล์มะเร็ง 

\"\"

นพ.กุลธร เทพมงคล  อาจารย์แพทย์ประจำสาขารังสีรักษา ภาควิชารังสีวิทยา กล่าวว่า  การฉายแสงหรือรังสีรักษา เป็นกระบวนการหลักอย่างหนึ่งในการรักษามะเร็งเต้านม  ข้อดีของการฉายรังสีรักษาในห้องผ่าตัด คือ ลดเวลาในการฉายรังสีภายนอกได้ถึง 25-30 ครั้ง นอกจากนี้การฉายรังสีเข้าไปในบริเวณที่เป็นตำแหน่งของก้อนมะเร็งทันทีภายหลังการผ่าตัดเอาก้อนมะเร็งออก จะทำให้สามารถกำหนดตำแหน่งของการฉายรังสีรักษาได้แม่นยำมากขึ้น ทำให้เพิ่มโอกาสการหายจากโรคและลดปริมาณรังสีต่อเนื้อเยื่อปกติ รวมถึงลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงจากการรักษาลง  และภาวะแทรกซ้อนต่อผิวหนังภายนอกก็ลดลงมาก เมื่อเทียบกับการฉายรังสีภายนอกตามปกติ   จากการศึกษาผู้ป่วยใน รพ.ศิริราช   ที่ได้รับการรักษามะเร็งเต้านมด้วยวิธีใหม่นี้ พบว่า ส่วนใหญ่พึงพอใจกับการรักษา และรู้สึกพึงพอใจที่ไม่มีการสูญเสียเต้านมภายหลังการผ่าตัด  

นพ.ธรรมนิตย์  อังศุสิงห์ ประธานศูนย์ถันยรักษ์ กล่าวว่า  แม้โรคมะเร็งเต้านมจะยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่การป้องกันโรคมะเร็งเต้านมที่ดีที่สุดในปัจจุบัน คือ การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม ซึ่งทำได้ด้วยการตรวจเต้านมตนเอง  หากมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นก็จะสามารถสังเกตเห็นได้ด้วยตนเอง โดยควรเริ่มเรียนรู้ตั้งแต่อายุ 20 ปี ขึ้นไป และตรวจเป็นประจำสม่ำเสมอทุกเดือนตลอดชีวิต นอกจากนี้ในผู้หญิงอายุ  35 ปี ขึ้นไป  ควรตรวจด้วยเครื่องถ่ายภาพรังสีเต้านมที่เรียกว่า แมมโมแกรมร่วมกับการตรวจอัลตราซาวนด์  สำหรับผู้ที่มีอาการผิดปกติต่างๆ ที่เต้านมไม่ว่าจะอยู่ในช่วงอายุใด  ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

รศ.เยาวมาลย์ เมธาภิรักษ์ ผู้ได้รับการรักษาด้วยวิธีนี้ กล่าวว่า ครั้งแรกที่ได้รับข่าวว่าเป็นมะเร็งเต้านม รู้สึกตกใจมาก เพราะตัวเองตรวจหามะเร็งเต้านม ด้วยการทำแมมโมแกรมและอัลตราซาวนด์เต้านมอย่างสม่ำเสมอทุกปี แต่เมื่อแพทย์ได้เสนอและอธิบายให้ทราบถึงแนวทางการรักษาว่า จะผ่าตัดเฉพาะก้อนมะเร็งแทน การตัดเต้านมออกทั้งหมด แล้วฉายรังสีโดยตรงเข้าไปครั้งเดียวยังบริเวณที่ผ่าตัด โดยไม่ต้องมารับการฉายรังสี  หลังผ่าตัดอีก 25 - 30 ครั้ง  ก็รู้สึกสนใจวิธีใหม่นี้มากและมั่นใจในการรักษา จึงตอบตกลง กระบวนการรักษาเป็นไปอย่างราบรื่นและพักเพียงคืนเดียวหลังผ่าตัด ทุกวันนี้รู้สึกมีความสุขที่หายจากโรคแล้ว และสิ่งมีค่าซึ่งบ่งบอกถึงความเป็นหญิงยังอยู่กับเราด้วย ทั้งหมดนี้ขอบคุณคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลที่ได้นำเทคโนโลยีทันสมัยมาให้คนไทยมีโอกาสได้รักษา .

ที่มา : http://www.dailynews.co.th/